อาการไข้คือการที่อุณหภูมิของร่างกายสูงกว่าปกติ เรียกอีกอย่างว่าอุณหภูมิร่างกายสูง ภาวะไข้สูง หรือภาวะเป็นไข้ มักเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังถูกกระตุ้นจากการจากการติดเชื้อ อุณหภูมิร่างกายปกติของแต่ละคนจะแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยประมาณ 97 ถึง 99 หากมีอุณหภูมิ 100.4 ขึ้นไปจะถือว่าเป็นไข้
สมองส่วนที่เรียกว่าไฮโปทาลามัสคือสมองส่วนที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย มีการตอบสนองเมื่อเกิดการติดเชื้อ เจ็บป่วย หรือสาเหตุอื่น ๆ ไฮโปทาลามัสอาจกำหนดให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ดังนั้นหากเป้นไข้ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย
โดยทั่วไปภาวะไข้ไม่เป็นอันตราย แต่ผู้ป่วยควรตรวจสอบกับแพทย์ หากมีลักษณะดังนี้:
● อุณหภูมิของร่างกายเป็น 103 หรือสูงกว่า
● ทารกที่อายุยังน้อย (อายุน้อยกว่า 3 เดือน) วัดอุณหภูมิที่ทวารหนักได้ 100.4 ขึ้นไป (ติดต่อแพทย์หรือพาเด็กไปที่ห้องฉุกเฉินทันที)
● เด็กอายุ 3-6 เดือนมีอุณหภูมิทางทวารหนักสูงกว่าปกติ และมีอาการหงุดหงิดหรือง่วงนอนร่วมด้วย (ติดต่อแพทย์ให้ทราบทันที)
● เด็กอายุ 3-6 เดือนมีอุณหภูมิทางทวารหนัก 102 หรือสูงกว่า
● เด็กอายุ 6-24 เดือนมีอุณหภูมิสูงกว่า 102 นานกว่า 1 วันหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วม เช่น ไอ หรือท้องเสีย
● เด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ปี มีไข้พร้อมผื่น มีอาการไม่สบายตัว หงุดหงิด งัวเงีย ปวดศีรษะ คอเคล็ด ท้องเสีย หรืออาเจียนหลาย ๆ ครั้ง
● ทารก หรือเด็กมีอาการชักเกร็ง
● อุณหภูมิสูงกว่า 104 ในเด็ก อาจทำให้เด็กเกิดอาการชักได้
● ไข้ที่เกิดหลังจากมีผู้ป่วยสัมผัสกับบริเวณที่มีอุณหภูมิร้อนจัด อาจเป็นสัญญาณของโรคลมแดด
● ไข้ไม่ลดลงหลังจากรับประทานยาลดไข้ เช่นยาไอบูโพรเฟนในปริมาณที่เหมาะสม
● ผู้ป่วยเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ COVID-19
อาการไข้
ไข้เป็นสัญญาณของอาการเจ็บป่วย หรือภาวะติดเชื้อ เมื่อมีควรสังเกตอาการต่อไปนี้:
● หนาวสั่น หรือสั่นสะท้าน
● เหงื่อออก
● ปวดหัว
● อ่อนแรง
● หงุดหงิด
● ไม่อยากอาหาร
● ภาวะขาดน้ำ
สาเหตุของอาการไข้
ไข้อาจเป็นปัญหาทางสุขภาพหลายอย่าง ซึ่งอาจจำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาล
สาเหตุส่วนมากของไข้คือภาวะติดเชื้อ อย่างหวัด และการติดเชื้อที่กระเพาะอาหาร (โรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบ) สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ :
● การติดเชื้อที่หู ปอด ผิวหนัง คอ กระเพาะปัสสาวะ หรือไต
● อ่อนเพลียจากความร้อน
● โควิด -19
● ผิวหนังไหม้
● ปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
● ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
● ได้รับวัคซีน หรือฉีดวัคซีน
● เกิดลิ่มเลือด
● ภาวะแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคลูปัส และโรคลำไส้อักเสบ (IBS)
● โรคมะเร็ง
● ความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น hyperthyroidism
● ยาเสพติดผิดกฎหมาย เช่น ยาบ้า และโคเคน
● การงอกของฟันในทารกอาจทำให้เกิดไข้ต่ำ ๆ (ไม่เกิน 101 องศา)
การวินิจฉัยอาการไข้
อาการไข้สามารถวัดได้ง่ายด้วยเทอร์โมมิเตอร์ แต่การหาสาเหตุของไข้อาจเป็นเรื่องยาก นอกจากการตรวจร่างกายของผู้ป่วยแล้วแพทย์มักสอบถามเกี่ยวกับอาการ เงื่อนไขทางสุขภาพ ยาที่ใช้ และหากผู้ป่วยพึ่งเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงกับการติดเชื้อ หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นการติดเชื้อมาลาเรียอาจตรวจไม่พบอาการไข้ได้
แพทย์อาจสอบถามว่าผู้ป่วยเคยใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ COVID-19 หรือมีอาการอื่น ๆ ของ COVID-19 หรือไม่
บางครั้งอาจพบ “ไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุ” กรณีสาเหตุอาจเป็นอาการที่ผิดปกติ หรือไม่ชัดเจน เช่น ภาวะติดเชื้อเรื้อรัง เนื้อเยื่อเกี่ยวพันผิดปกติ มะเร็ง หรือปัญหาอื่น ๆ
วิธีรักษาอาการไข้
ไข้มักก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่สบายตัวแ คนส่วนมากจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อเข้ารับการรักษา แต่ก็ขึ้นกับอายุ สุขภาพของร่างกาย และสาเหตุของไข้ ผู้ป่วยอาจต้องรับการรักษาทางการแพทย์สำหรับไข้เพียงอย่างเดียว หรือไม่ก็ได้ เพราะไข้เคือกลไกป้องกันตัวเองของร่างกายตามธรรมชาติที่เกิดจากการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีไข้อีกหลายสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากติดเชื้อ
การรักษาแตกต่างกันไปตามสาเหตุของไข้ ตัวอย่างเช่นยาปฏิชีวนะใช้สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่นคออักเสบ
การรักษาไข้โดยทั่วไป คือใช้ยารักษา เช่น อะเซตามิโนเฟน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน และนาพรอกเซน เด็กและวัยรุ่นไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิด Reye’s syndrome
วิธีลดไข้เองที่บ้าน ได้แก่ :
● การดื่มน้ำให้มากเพียงพอ เช่น น้ำเปล่า น้ำซุป น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มดับกระหาย
● อาบน้ำอุ่น ๆ
● พักผ่อน
● ดูแลให้เนื้อตัวเย็นสบายอยู่เสมอ ด้วยเสื้อผ้าและผ้าห่มที่เบาสบาย
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
● https://medlineplus.gov/fever.html
● https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/fever/symptoms-causes/syc-20352759
● https://www.medicalnewstoday.com/articles/168266